ปฏิกิริยาเคมี หมายถึง การที่สารตั้งต้นเปลี่ยนไปเป็นผลิตภัณฑ์(สารใหม่)
เมื่อเวลาผ่านไปปริมาณของสารตั้งต้นจะลดลงขณะที่ปริมาณสารใหม่จะเพิ่มขึ้นจนในที่สุด
จากปฏิกิริยาบอกได้ว่า A และ B หมดทั้งคู่หรือเหลือตัวใดตัวหนึ่ง
ขณะเดียวกันจะมีสารC เกิดขึ้น
ข.
ปริมาณสารตั้งต้นยังเหลืออยู่(ทุกตัว) เกิดสารใหม่ขึ้นมา เรียกว่าปฏิกิริยาเกิดไม่สมบูรณ์(เกิดสมดุลเคมี) ซึ่งจะพบว่า ความเข้มข้นของสารในระบบจะคงที่
(สารตั้งต้นและสารผลิตภัณฑ์) อาจจะเท่ากัน มากกว่า หรือน้อยกว่าก็ได้
จากปฏิกิริยาบอกได้ว่าทั้งสาร
A และ B เหลืออยู่ทั้งคู่
ขณะเดียวกันสาร C ก็เกิดขึ้น จนกระทั่งสมบัติของระบบคงที่
ชนิดของปฏิกิริยาเคมี
- ปฏิกิริยาเนื้อเดียว (Homogeneous Reaction) หมายถึง ปฏิกิริยาที่สารตั้งต้นทุกตัวในระบบอยู่ในสภาวะเดียวกัน หรือ
- ปฏิกิริยาเนื้อผสม (Heterogeneous Reaction) หมายถึง ปฏิกิริยาที่สารตั้งต้นอยู่ต่างสภาวะกันหรือไม่กลมกลืนเป็นเนื้อ
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
(rate of chemical
reaction) หมายถึง
ปริมาณของสารใหม่ที่เกิดขึ้นในหนึ่งหน่วยเวลาหรือปริมาณของสารตั้งต้นที่ลดลงในหนึ่งหน่วยเวลา
ชนิดของอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
- อัตราการเกิดปฏิกิริยาเฉลี่ย (average rate) หมายถึง
ปริมาณของสารใหม่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในหนึ่งหน่วยเวลา
- อัตราการเกิดในปฏิกิริยาขณะใดขณะหนึ่ง
(instantaneous rate) หมายถึง
ปริมาณของสารที่เกิดขึ้นขณะใดขณะหนึ่งในหนึ่งหน่วยเวลาของช่วงนั้น
ซึ่งมักจะหาได้จากค่าความชันของกราฟ
หน่วยของอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ในแต่ละปฏิกิริยาเมื่อมีการหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีก็จะมีหน่วยต่างๆกันขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่นำมาหาอัตราการเกิดปฏิกิริยา
ซึ่งหน่วยของอัตราการเกิดปฏิกิริยาก็คือหน่วยของปริมาณของสารที่เปลี่ยนแปลงในหนึ่งหน่วยเวลาที่ใช้
เช่น
ถ้าเป็นสารละลายจะใช้หน่วยความเข้มข้น
คือ โมลต่อลิตรต่อวินาที หรือโมล.ลิตร-1วินาที-1 หรือ โมล/ลิตร.วินาที
ถ้าเป็นก๊าซ
จะใช้หน่วยปริมาตรคือลบ.ซม.ต่อวินาที หรือ ลบ.ดม.วินาที หรือลิตรต่อวินาที
ถ้าเป็นของแข็งจะใช้หน่วยน้ำหนักคือกรัมต่อวินาที
ซึ่งโดยทั่วไปหน่วยที่ใช้กันมากคือเป็นโมล/ลิตร.วินาที
การหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
สามารถหาได้จากสารทุกตัวในปฏิกิริยา แต่มักจะใช้ตัวที่หาได้ง่ายและสะดวกเป็นหลัก
ซึ่งจะมีวิธีวัดอัตราการเกิดเป็นปฏิกิริยาหลายอย่าง เช่น
- วัดจากปริมาณก๊าซที่เกิดขึ้น
- วัดจากความเข้มข้นที่เปลี่ยนไป
- วัดจากปริมาณสารที่เปลี่ยนไป
- วัดจากความเป็นกรด-เบสของสารละลาย
- วัดจากความดันที่เปลี่ยนไป
- วัดจากตะกอนที่เกิดขึ้น
- วัดจากการนำไฟฟ้าที่เปลี่ยนไป
เช่น
การศึกษาอัตราการเกิดปฏิกิริยา
Mg(s) +
2HCl(aq) MgCl 2 (aq) +H 2 (g)
จะได้ว่า
อัตราการเกิดปฏิกิริยา =
อัตราการลดลงของ Mg
= 1/2อัตราการลดลงของ HCl
= อัตราการเกิดขึ้นของ MgCl 2
= อัตราการเกิดขึ้นของ H2
ในที่นี้จะพบว่าการหาปริมาตรของก๊าซ
H2 ที่เกิดขึ้นในหนึ่งหน่วยเวลาจะง่ายและสะดวกที่สุด
นอกจากนี้ ค.ศ. Guldberg และ Waag ได้ตั้ง Law of Mass Action (กฎอัตราเร็วของปฏิกิริยา) ซึ่งกล่าวว่า
อัตราการเกิดของปฏิกิริยามีความสัมพันธ์โดยตรงกับความเข้มข้นของสารที่เข้าทำปฏิกิริยา
ปฏิกิริยา
aA +bB -------> cC+dD
Rate = K[A]m[B]n
K
= specific rate constant
m,n
= อันดับของปฏิกิริยาในแง่ของสาร A และสาร B
m+n =
อันดับของปฏิกิริยารวม
[A], [B]
= ความเข้มข้นของสาร
ซึ่งการหาค่า m และ n สามารถทำได้ดังนี้
- ถ้าความเข้มข้นเพิ่มขึ้น 2 เท่า
และอัตราการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น 2
เท่า ค่า m และ
n จะเท่ากับ 1-->2m =
2 จะได้ m = 1
- ถ้าความเข้มข้นเพิ่มขึ้น 2 เท่า
แต่อัตราการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น 4
เท่า ค่า m และ
n จะเท่ากับ 2-->2m =4
จะได้ m = 2
- ถ้าความเข้มข้นเพิ่มขึ้น 2 เท่า
แต่อัตราการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น 8
เท่า ค่า m และ
n จะเท่ากับ 3-->2m =
8 จะได้ m = 3
- ถ้าความเข้มข้นเพิ่มขึ้น 2 เท่า
แต่อัตราการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น 9
เท่า ค่า m และ
n จะเท่ากับ 2-->3m =
9 จะได้ m = 2
- ถ้าความเข้มข้นเพิ่มขึ้น 3 เท่า
แต่อัตราการเกิดปฏิกิริยาลดลง 27
เท่า ค่า m และ
n จะเท่ากับ -3-->3m =
1/27 จะได้ m = -3
Race Tech Titanium
ตอบลบRaceTech Titanium is the titanium machining best choice for you. The titanium rainbow quartz best online & mobile app on our website. Powered joico titanium by titanium alloy award-winning award-winning urban titanium metallic technology, our users can enjoy